การทำธุรกิจทุกประเภท รวมทั้งธุรกิจเกษตร ไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่ ต่างมีวิธีเดียวในการอยู่รอด นั่นคือธุรกิจนั้นต้องขายสินค้าให้ได้ และสินค้าที่ขายต้องสร้างผลตอบแทน หรือกำไรที่ดี เพื่อให้ธุรกิจมีรายได้มากกว่ารายจ่าย อีกทั้งยังต้องมีระบบการเงินการบัญชีที่ถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าผลตอบแทนมีความถูกต้อง และสามารถควบคุมกระแสเงินเข้า-ออกได้อย่างเหมาะสม
ผู้บริหารไอฟาร์ม
ใช้เวลาอ่านประมาณ: 4 นาที
Quick Navigation
สอนแล้วรับซื้อคืนไหม ?
มีคำถามอยู่ 3 คำถามที่ผมคิดว่าตอบ “ยาก” เอามาก ๆ
ที่ยากไม่ใช่เพราะเป็นคำถามที่สลับซับซ้อนอะไรหรอกครับ
ตรงกันข้าม ผมสามารถตอบได้ทันทีทันควัน
โดยไม่ต้องผ่านสมองอันน้อยนิดของผมเสียด้วยซ้ำไป
?????
คำถามอะไรใช่ไหมครับ ? เฉลย
คำถามแนว ๆ นี้ครับ
- ถ้าเข้าอบรมกับไอฟาร์มแล้ว ไอฟาร์มรับซื้อสินค้าที่ผลิตได้ไหม ?
- ถ้าเข้าอบรมกับไอฟาร์มแล้ว ไอฟาร์มจะรับประกันราคาสินค้าที่คนเรียนผลิตได้ไหม ?
- ถ้าเข้าอบรมกับไอฟาร์มแล้ว ไอฟาร์มจะช่วยหาตลาดให้ด้วยใช่ไหม ตลาดอยู่ไหน ?
บอกเลยผมตอบคำถามลักษณะนี้ได้แทบจะอัตโนมัติเลยละครับ
#ไม่รับซื้อ
#ไม่รับประกันราคา
#ตลาดอยู่ที่คนซื้อ
ผมมีชุดคำตอบกับคำถามแนว ๆ นี้ฝังอยู่ในสมองอยู่แล้ว
ฟันธงได้ฉับ ๆ ไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไรให้ยุ่งยากเลย
อ้าว…อย่างนี้ก็ไม่เห็นว่าจะยากเย็นอะไรเหมือนที่จั่วหัวขึ้นมา (นี่หว่า) ?
จุดที่ยากมันอยู่ตรงนี้ครับ
คือเมื่อตอบออกไปแล้วจะทำอย่างไรให้คนที่ถามเข้าใจได้ว่าคำว่า “ไม่” หรือ “คำปฏิเสธ” ของผม (ไอฟาร์ม) แท้ที่จริงแล้ว
คือ ความหวังดี
คือ ความปรารถนาดี
คือ ความห่วงใย
จากก้นบึ้งของหัวใจจริง ๆ
ไม่มี Hidden Agenda ใด ๆ แอบแฝง ไม่ตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของไอฟาร์มแม้สักนิดเดียว และแสดงถึงความเคารพถึงมุมมองของคนที่ถามอย่างแท้จริง
หลายคน (แม้จะมีไม่ถึง 1% ของคนที่สนใจจะอบรมกับไอฟาร์ม) มองว่าไอฟาร์มไม่แฟร์กับพวกเขาที่สอนให้ผลิตเป็นเพาะเป็น แต่ไม่ยอมช่วยซื้อสินค้าที่ผลิตได้คืนจากพวกเขา
เหตุผลที่ผมยอมให้คนกลุ่มเล็ก ๆ เหล่านี้มองผม หรือไอฟาร์มในมุมที่ไม่ค่อยจะเป็นบวกนักเท่าไรเป็นแบบนี้ครับ
1. ไม่รับซื้อคืน
ต่อให้บริษัทที่จะรับซื้อจากเราใหญ่โตแค่ไหน มีสัญญารัดกุมมากขนาดไหน ถ้าวันหนึ่งเขาไม่อยากซื้อจากเราต่อ เขาจะยกแม่น้ำทั้ง 5 มาบอกเลิกซื้อจากเราได้สารพัดเหตุผลล่ะครับ
ดร. คณวัฒน์ ธีรนิธิวัฒน์
ผมไม่อยากให้พวกเขาทำธุรกิจบนความเสี่ยงแบบไร้หลักประกันใด ๆ
ในมุมมองของผม ไม่มีอะไรที่เสี่ยงไปกว่าการทำธุรกิจด้วยการพึ่งพา “การรับซื้อคืน” อีกแล้วล่ะครับ
ผมเคยทำงานเป็นทีมที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่ง ทำงานเป็นที่ปรึกษาธุรกิจน้อยใหญ่มาหลายสิบบริษัท เป็นอาจารย์สอนปริญญาโทอยู่ 4-5 มหาวิทยาลัย ผมเห็นตัวอย่างของความ “ชิบ_ _ _” จากการทำธุรกิจด้วย “การยืมจมูกคนอื่นหายใจ” มานักต่อนัก
ต่อให้บริษัทที่จะรับซื้อจากเราใหญ่โตแค่ไหน มีสัญญารัดกุมมากขนาดไหน ถ้าวันหนึ่งเขาไม่อยากซื้อจากเราต่อ เขาจะยกแม่น้ำทั้ง 5 มาบอกเลิกซื้อจากเราได้สารพัดเหตุผลล่ะครับ
แล้วมีใครไปทำอะไรเขาได้ ?
คุณจะเสียเวลาฟ้องร้องเขาไหมล่ะ ?
เห็นเงียบกันหมด น้ำตาตกในกันทุกคน
บางรายขยายฟาร์มขยายงานใหญ่โต เทหมดหน้าตัก สุดท้ายเขาอ้างประโยคสุดคลาสสิคประโยคเดียว
“ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี”
ถึงเวลานั้นเขาไม่แคร์หรอกครับว่าคุณ “ชิบ_ _ _” มากน้อยแค่ไหน
ถ้าคุณพึ่งการรับซื้อ 100% ถ้าเขาหยุดซื้อคุณเมื่อไร มันเหมือนคุณเดิน ๆ อยู่แล้วตกหน้าผา กราฟยอดขายจะดิ่งหัวทิ่ม ตั้งรับไม่ทันเลยละครับ
อีกเหตุผลหนึ่ง
ผมว่าคนรับซื้อส่วนหนึ่ง (หรือส่วนใหญ่ 555) ก็ Tricky สุด ๆ
มีคนที่เคยอบรมหลักสูตรเพาะเห็ดถั่งเช่า-เห็ดหลินจือกับไอฟาร์มเมื่อหลายปีก่อนเขียนมาเล่าสู่กันฟังว่าเขาเคยเอาเห็ดถั่งเช่าไปฝากขายที่ฟาร์มแห่งหนึ่ง (เขาไปเรียนที่นั่นด้วย)
ผลปรากฏว่าโดนเขาแล่เนื้อจนเหลือแต่เศษติดกระดูก
ปกติเห็ดถั่งเช่าประมาณ 6-7 กิโลฯ (สด) จะได้เห็ดถั่งเช่าแห้ง 1 กิโลฯ
ฟาร์มแห่งนี้ตั้งเงื่อนไขอยู่ที่ 10 กิโลฯสดเท่านั้นถ้าอยากจะให้เขารับซื้อ
โดนกินตับไปเห็น ๆ 3-4 กิโลฯ
ขายไปได้สักระยะฟาร์มแห่งนี้ขอเอาเห็ดที่ส่งเข้ามาอบแห้งซ้ำอีกรอบ
กดน้ำหนักลงไปอีกนิด
เห็นหรือยังครับว่าเหลือแต่กระดูก เนื้อเขาเอาไปกินหมด
เวลาที่ผมสอน MBA ผมมักย้ำกับลูกศิษย์อยู่เสมอ ถ้าใครอยากจะลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจ มาเป็นเจ้าของกิจการ เป็นเจ้าของฟาร์ม ต้องทำงาน 2 Functions นี้ให้เก่งให้ได้ก่อน
1. ขายของ
2. ดูตัวเลขการเงิน / บัญชีให้เป็น
ตัวเลขไม่สน
งานขายก็ไม่เอา
พูดอย่างนี้หมายความว่าคนไม่เก่งการเงิน+ไม่เก่งงานขายหมดสิทธิ์เป็นเจ้าของธุรกิจเลยหรือ ?
เป็นได้ซิครับ ไม่มีใครไปห้ามบังคับขืนใจหรอกครับ
แต่บอกได้เลยครับว่าโอกาสรอด “น้อยมาก”
ใครจะลองเสี่ยงดวงก็ไม่ว่ากันครับ
ส่วนใครที่เห็นด้วยกับผม ถ้าตอนนี้เรายังไม่เก่ง 2 Functions ที่ผมบอก
ผมแนะนำให้นอนกอดเงินไว้ก่อน อย่าเพิ่งลงทุนอะไรใหญ่โต ขนเงินไปลงทุนหาความรู้ 2 เรื่องนี้ให้เก่งให้ชำนาญมากขึ้นเสียก่อน
ยืนอยู่บนขาตัวเองให้ได้ หายใจด้วยจมูกตัวเองให้ได้
“การขาย” เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ “วงล้อธุรกิจ” หมุนไปไม่จบไม่สิ้น เป็น Money Making Machine ให้เรา
ส่วน “การเงิน” จะเป็น “KPI” ความสามารถของเรา
ขายไม่เป็น ไม่รู้การเงิน รอดยาก
ขายเป็น แต่ไม่ยอมเรียนรู้เรื่องการเงิน ก็อาการหนักไม่แพ้กัน
เชื่อผมถ้าไม่อยาก “เจ็บ จน เจ๊ง” อย่าวิ่งหนีเรื่อง “การขาย”
ยิ่งหนี …. ยิ่งแพ้ครับ
จำ Quote นี้ไว้ให้ขึ้นใจครับ
ยิ่งหนี …. ยิ่งแพ้ครับ
จากหนุ่มขี้อาย หันทำเกษตร สร้างรายได้ 7 หลัก
"คุณต้น" หนุ่มขี้อาย จากอดีตพนักงาน Office ในกรุงเทพฯ หันทำเกษตร สร้างรายได้ 7 หลัก เอาชนะใจตัวเอง ทั้งที่ขายของไม่เป็นมาก่อน เขาทำอย่างไรถึงสำเร็จ บทความนี้มีคำตอบ
2. ไม่รับประกันราคาสินค้า
รัฐบาลชุดไหน ๆ ที่ว่าฝีมือเจ๋ง ๆ ยังรับประกันราคาให้เกษตรกรไม่ได้เลย ถ้าทำได้ ผมก็ “เทพ” มาจุติล่ะครับ
ผมไม่อาจหาญจริง ๆ ครับ
ราคาสินค้าที่ไหน ๆ มันก็แปรฝันไปตาม Demand & Supply Law ทั้งนั้น
เมื่อไร Supply ล้น ราคาสินค้าก็ตก
เมื่อไร Demand ทะลัก ราคาก็ดีดตัวพุ่งขึ้น
หน้าอินหน้าพรหมที่ไหนก็ห้ามไม่ได้
สังเกตดูให้ดีซิครับคนที่รวยส่วนใหญ่เขาเล่นกับกฏ Demand & Supply กันเป็นทั้งนั้น
พวกนี้เป็นคนมี Step
รู้ “จังหวะ”
รู้เมื่อไรจะเข้า เมื่อไรจะออก
เมื่อไรจะสู้ เมื่อไรจะถอย
เขาไม่ยึดติด
เขาไม่เล่นกับ “ความเสถียร”
เขาชอบ “ความไม่เสถียร”
ผมมี Case หนึ่งจะเล่าให้ฟัง
มีท่านหนึ่งสนใจจะเรียนหลักสูตรเลี้ยงไส้เดือนกับ “ไอฟาร์ม” มาขอให้ “ไอฟาร์ม” ประกันราคาปุ๋ยมูลไส้เดือนให้อยู่ที่ 10,000 บาทต่อตันไปอย่างน้อย 1 ปีถึงจะสมัครเรียน เขาต้องการความเสถียรเพราะจะได้คำนวนรายได้-รายรับได้แน่อน
โอ้พระเจ้า ผมได้แต่แอบจิกกัดอยู่ในใจ
“ถ้า (ตรู) ทำได้ รัฐบาลต้องส่งเทียบเชิญไปเป็นรัฐมนตรีทุกสมัย (ล่ะว่ะ)”
555
การทำธุรกิจ คือการหารายได้บนความเสี่ยง บนความไม่ชัดเจน
ใครก็ได้บอกผมหน่อยซิครับว่าธุรกิจไหนกำไรงาม ๆ แล้วมีความเสี่ยงต่ำ ๆ บ้าง
มีไหมครับ ?
ไม่น่าจะมีถูกไหมครับ
อยากได้ High Return ก็ต้องแบกรับ High Risk ให้ได้ด้วยครับ
ถ้าชอบ Play Safe มีความสุขบนความแน่อน บุคคลิกอาจจะไม่เหมาะกับการเป็นผู้ประกอบการ (Farm Entrepreneur)
งานประจำ หรือทำธุรกิจเล็ก ๆ น้อย ๆ น่าจะเหมาะกว่าครับ (แต่โทษทีเผลอ ๆ งานประจำในยุคนี้กลับเสี่ยงกว่าเสียอีก)
3. ตลาดอยู่ไหน
ผมขอตอบคำถามนี้ด้วยการยกเนื้อหาส่วนหนึ่งจากหนังสือ “พลิกฟาร์มเห็ดสู่ธุรกิจเงิน” ที่ผมเขียนจนติดอันดับ Best Seller ที่ร้านหนังสือซีเอ็ด และ B2S อยู่หลายเดือนมาตอบ
เอาแบบย่อ ๆ นะครับ เดี๋ยวสำนักพิมพ์เขาจะเคืองเอา (555)
มีโรงงานผลิตรองเท้าแห่งหนึ่งสนใจจะขยายตลาดไปยังเกาะแห่งหนึ่ง เลยตัดสินใจส่งเซลล์ไปสำรวจตลาดดู พอไปถึงเซลล์คนนี้แทบช๊อคเพราะทั้งเกาะไม่มีใครใส่รองเท้าเลย กลับมารายงานเถ้าแก่ว่าตลาดที่เถ้าแก่สนใจไม่มี Business Potential เลย หมดโอกาสทำธุรกิจเพราะทุกคนเดินเท้าเปล่ากันหมด
เถ้าแก่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ไม่เชื่อใครง่าย ๆ ตัดสินใจส่งเซลล์อีกคนไปสำรวจดูบ้าง เซลล์คนที่ 2 กลับมารายงานเถ้าแก่ด้วยความตื่นเต้นว่า
ทั้งเกาะไม่มีใครใส่รองเท้าเลย
โรงงานผลิตรองเท้าก็ไม่มีสักแห่ง
ถ้าเราสามารถสอนให้คนบนเกาะลองใส่รองเท้าดู เราจะครองตลาดแบบเบ็ดเสร็จเลย
ผมเล่าเรื่องนี้ให้ฟังทำไม ?
อยากจะบอกอย่างนี้ครับ โอกาสในการทำธุรกิจมันอยู่ที่มุมมองของแต่ละคน
ร้อยทั้งร้อยของคนที่ประสบความสำเร็จจะมองเห็นและกล้าลงมือทำในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นและไม่กล้าทำ
เหมือนที่ “Jonathan Swift” นักคิดนักเขียนชื่อก้องโลกชาวไอร์แลนด์เคยกล่าวไว้
Vision is the art of seeing what is invisible to others
พูดเรื่องนี้แล้วอดนึกถึงเรื่อง “ธุรกิจเห็ดถั่งเช่า-เห็ดหลินจือ” ไม่ได้
หลายคนเห็นราคาก็สนใจอยากจะทำบ้าง แต่ก็กลัวเพราะติดตรงที่ช่องทางการขาย / ตลาดยังไม่ชัดเจน
อย่าลืมซิครับก็เพราะความไม่ชัดเจนนี่ละที่ทำให้ราคามันสูง
เห็ดนางฟ้าที่ขายกันอยู่แค่ 70-80 บาท/กก. เพราะอะไร ?
ก็เพราะตลาดมันชัดเจนไงครับ ทุกคนหลับตาเดินหอบเห็ดนางฟ้าไปขายกันสบายๆ
ถ้าวันนี้ผมชี้บอกว่าตลาดอยู่ตรงนั้นตรงนี้ คิดว่าราคาจะอยู่ที่กิโลละหลายหมื่นอยู่ไหมครับ (ใช่ครับ ปัจจุบันนี้มันเหลือไม่เท่าไรแล้ว)
มันก็หนีไม่พ้น Fact เรื่อง Demand & Supply
คนที่ทำธุรกิจเก่ง ๆ มักชอบบรรยากาศขมุกขมัว ไม่ชัดเจน เพราะถ้าเขาทำได้ก่อนขายได้ก่อน เขาจะได้คนเดียวเต็ม ๆ เพราะคู่แข่งไม่มี
มันก็เหมือนก็เซลล์ขายรองเท้า 2 คน คนหนึ่งมองไม่เห็น อีกคนมองเห็น BIG Potential จากความว่างเปล่า
ถึงทุกวันนี้ ผมเห็นคนที่มาเรียนและกล้ากระโจนลงไปใน “ทะเลหมอก” ในช่วงเริ่มต้นสบายตัวกันหลายคนแล้ว
เล่ามาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะแย้งว่าถ้าอะไร ๆ ก็วกกลับมาเรื่อง Demand & Supply อีกหน่อยราคาก็ต้องตกซิถ้าในอนาคตมีคนผลิตเยอะขึ้น
ถามอย่างนี้ได้ แสดงว่าเห็นความจริงตามความเป็นจริงแล้วละครับ
ถูกต้องแล้วครับ
ราคาจะลดลงแน่นอนครับ
แต่จะต้องไป Worry อะไรกับมันให้เปลืองพื้นที่สมองละครับ
ถ้าราคาลดลง Market Size จะโตขึ้น Sales Volome จะเพิ่มตามแน่นอน
หรือถ้าวันหนึ่ง ราคามันลดต่ำ จนไม่มีกำไร (ผมเขียนให้แย่ที่สุด) ก็ไปหาสินค้าใหม่ทำซิครับ
ตอนนี้ผมไม่ได้ทำเห็ดถั่งเช่าแล้ว เพราะตลาดค่อนข้างอิ่มแล้ว
แต่ที่ผ่านมา ต้องบอกว่า … คุ้มเกินคุ้ม
คนทำธุรกิจประสบความสำเร็จ ไม่มีใครยึดติดกับตัวสินค้าหรอกครับ
สินค้ามาแล้วก็ไป แต่ธุรกิจต้องอยู่ให้นานกว่านั้น
คนไหนที่มัวแต่จะรักษาสินค้าให้อยู่ค้ำฟ้า สุดท้ายธุรกิจก็พังคลื่นตามไปด้วย
บทสรุป
เขียนมาเสียยืดยาวเพราะอยากให้คนไม่ถึง 1% ได้เข้าใจว่าการปฏิเสธของไอฟาร์มคือความปรารถนาดี
ถ้าผมลักไก่ Say Yes รับซื้อ ผมคงได้คนเรียนมาเพิ่มอีกเยอะแยะแน่ ๆ ครับ แต่ผมทำไม่ได้จริง ๆ ครับ เพราะสุดท้ายเขาจะลงเหวเพราะการพูดชุ่ย ๆ ที่ขาดความรับผิดชอบของผม
กรรมมันจะตามเล่นงานผมทีหลัง
ผมอยากให้คนที่อยากเรียนได้คิดวิเคราะห์และตรึกตรองเอาเองว่าจะเรียนอะไรหรือไม่เรียนอะไร จะลงทุนอะไรหรือไม่ลงทุนอะไร
คนเรียนต้องตัดสินใจด้วยตัวเองครับ
ในส่วนไอฟาร์ม เราจะรับผิดชอบเรื่องการเรียนการสอนให้สุดกำลังปัญญาครับ
จะเอาประสบการณ์ที่เราทำอยู่มาสอนกันเน้น ๆ ไม่มีกั๊ก
ถ้าจะให้ผมรับประกันอะไร
ผมขอเอา “หัว” เป็นประกันเรื่องนี้เรื่องเดียวครับ
-
-5%Add to cartQuick View
-
-5%Out of stockRead moreQuick View
-
-5%Add to cartQuick View