ดินที่เป็นด่างและดินเค็มอาจส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของพืชได้ แต่รู้หรือไม่ว่าทั้งสองสภาพดินนี้มีความหมายและผลกระทบที่แตกต่างกันอย่างไร? คลิกเข้ามาเพื่อเรียนรู้วิธีวัดค่า pH และ EC ดิน เพื่อให้สวนของคุณเจริญเติบโตอย่างเต็มที่
ผู้บริหารไอฟาร์ม
ใช้เวลาอ่านประมาณ: 3 นาที
Quick Navigation
ดินที่มีค่า pH มากกว่า 7 และดินที่มีความเค็มสูงนั้นมีความหมายและผลกระทบที่แตกต่างกัน ถึงแม้ว่าทั้งสองสภาพอาจส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของพืชได้เหมือนกัน แต่สาเหตุและลักษณะทางเคมีของดินจะแตกต่างกัน
1. ความแตกต่างระหว่างความเป็นด่าง และค่าความเค็ม
ดินที่เป็นด่าง (ค่า pH มากกว่า 7)
- ความหมาย: ดินที่มีค่า pH มากกว่า 7 จะเป็นดินที่มีสภาพเป็นด่าง (alkaline soil)
- สาเหตุ: สาเหตุของดินเป็นด่างอาจมาจากแร่ธาตุที่มีอยู่ในดิน เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม หรือธาตุใต้ดินที่เป็นด่าง
- ผลกระทบ: ดินเป็นด่างอาจทำให้พืชดูดซึมสารอาหารบางชนิดได้ยาก เช่น เหล็ก แมงกานีส และฟอสฟอรัส ซึ่งอาจส่งผลให้พืชแสดงอาการขาดสารอาหาร เช่น ใบเหลืองและการเจริญเติบโตที่ชะงัก
ดินที่มีความเค็มสูง
- ความหมาย: ดินที่มีความเค็มสูง (saline soil) คือดินที่มีปริมาณเกลือละลายอยู่มาก เช่น โซเดียมคลอไรด์ แมกนีเซียมซัลเฟต และอื่น ๆ
- สาเหตุ: ดินเค็มอาจเกิดจากการระเหยของน้ำในพื้นที่ที่มีการชลประทานไม่เหมาะสม หรือจากการใช้ปุ๋ยที่มีปริมาณเกลือสูง
- ผลกระทบ: ดินเค็มจะทำให้พืชดูดซึมน้ำได้ยากขึ้น เนื่องจากเกลือดึงน้ำออกจากรากพืช ซึ่งอาจทำให้พืชขาดน้ำและสารอาหาร แสดงอาการเหี่ยวแห้งและใบเหลือง
2. ดินเป็นด่าง ไม่ใช่ดินเค็ม
ดินที่มีค่า pH มากกว่า 7 อาจถูกเรียกว่าดินเค็มในบางกรณีเนื่องจากความเข้าใจที่คาบเกี่ยวระหว่างดินที่มีความเป็นด่างสูงและดินที่มีปริมาณเกลือสูง ดินทั้งสองประเภทนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกันบางประการและมักพบร่วมกันในพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ความเป็นด่างและความเค็มมีความแตกต่างกันดังนี้
สภาวะดินด่าง (Alkaline Soil)
- ดินที่มีค่า pH มากกว่า 7 มีสภาพเป็นด่าง ซึ่งอาจเกิดจากแร่ธาตุบางชนิด เช่น แคลเซียมคาร์บอเนต หรือแมกนีเซียมคาร์บอเนต ในดิน
- ดินด่างนี้อาจมีการสะสมของเกลือชนิดต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้ดินนั้นมีความเค็มได้ เช่น ดินในพื้นที่ทะเลทรายที่มีการระเหยของน้ำสูง ทำให้เกลือสะสมอยู่ในดิน
ดินโซดิก (Sodic Soil)
- ดินโซดิกมีค่า pH สูงกว่า 8.5 และมีปริมาณโซเดียมสูง ซึ่งทำให้ดินมีความเป็นด่างและเค็มในเวลาเดียวกัน
- ดินโซดิกมักมีปัญหาโครงสร้างดินที่ไม่ดี ทำให้การระบายน้ำยากลำบาก และทำให้พืชเจริญเติบโตได้ยาก
ถอดบทเรียน : ปลูกทุเรียนตาย 2 รอบ ขาดทุนหนัก เพราะโดนความเค็มเล่นงาน
ปลูกทุเรียนแล้วต้นไม่รอด ใบไหม้ ใบร่วงหมดต้น? พี่อดิศักดิ์เจอปัญหานี้มาแล้ว แต่ด้วยการวัดค่าดินและน้ำอย่างถูกต้อง เขาได้ค้นพบวิธีแก้ไขที่ช่วยเซฟเงินไปหลายหมื่น มาดูกันว่าการปรับค่าน้ำและปลูกต้นทองหลางน้ำแซมทุเรียนช่วยให้สวนทุเรียนกลับมามีชีวิตได้อย่างไร
ปลูกต้นทองหลางน้ำช่วยเพิ่มธาตุอาหาร และอินทรียวัตถุ
ปรับปรุงค่า pH ดิน และเพิ่มปุ๋ยธรรมชาติด้วยการปลูก "ต้นทองหลางน้ำ" สายพันธุ์ก้านแดง มีหนาม ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ
ลดต้นทุน & เพิ่มผลผลิตสวนทุเรียนด้วยต้นทองลหางน้ำ
พลาดไม่ได้กับแนวคิดและเทคนิคการใช้ต้นทองหลางน้ำ สายพันธุ์ก้านแดง มีหนาม ในการเป็นพืชพี่เลี้ยงให้กับต้นทุเรียน และผลไม้ต่าง ๆ พร้อมกับการใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงจากใบทองหลางน้ำ ในการลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตให้สวนทุเรียน โดย อ. วิโรจน์ วิโรจน์พันธุ์ และคุณชัดเจน ราชคฤห์ เจ้าของสวนทุเรียนนายชัดเจน .... พลาดไม่ได้
บทสรุป
- ความเข้าใจที่คาบเกี่ยว:
ดินเค็ม (Saline Soil) และ ดินด่าง (Alkaline Soil) อาจพบร่วมกันในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการชลประทานไม่ดีหรือมีการสะสมเกลือจากแหล่งน้ำใต้ดินที่มีเกลือสูง - การใช้คำว่า “ดินเค็ม” อาจถูกใช้ในบริบทที่ต้องการอธิบายดินที่มีปัญหาทั้งด้านความเค็มและความเป็นด่าง แม้จะไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการเสมอไป
ดินที่มีค่า pH มากกว่า 7 ไม่จำเป็นต้องเป็นดินเค็มเสมอไป แต่ในบางกรณีดินที่มีค่า pH สูงอาจมีการสะสมของเกลือที่ทำให้ดินนั้นมีลักษณะคล้ายกับดินเค็ม ด้วยเหตุนี้ เจ้าของสวนควรวัดทั้งค่า pH และค่าความเค็มของดินควบคู่กัน เพื่อให้มั่นใจว่าดินในสวนของคุณเหมาะสมกับพืชที่คุณปลูก
-
-4%Out of stockRead moreQuick View
-
-5%Add to cartQuick View
-
-5%Add to cartQuick View
-
-4%Add to cartQuick View
TAKEMURA DM-15 + EC ดิน + 98107 วัดค่า pH น้ำใช้เวลาอ่านประมาณ: 1 นาที
11,240 ฿10,740 ฿