
เกษตรยุค Digital มาพร้อมกับโอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้างขึ้น และช่องการการหารายได้ที่มากขึ้น Productize Yourself คือแนวทางในการเปลี่ยนชุดทักษะ หรือ Skill ทางด้านการเกษตรของคุณให้กลายเป็น Digital Products ในรูปแบบต่างๆ เช่น E-Book, Online Course และ Podcast ช่วยเพิ่มรายได้ให้เจ้าของฟาร์มแม้ในขณะนอนหลับ ถ้าคุณอยากรู้แนวคิดและวิธีการในทำ Product Yourself Business คุณต้องไม่พลาดบทความนี้

ผู้บริหารไอฟาร์ม
ใช้เวลาอ่านประมาณ: 4 นาที
Quick Navigation
เพิ่งอ่านพ็อกเก็ตบุ๊คชื่อ “The Almanack of Naval Ravikanit” จบไป
หนังสืออกมานานพอสมควรแล้วครับ
มีคนทำ Review กันไม่น้อย
แต่ผมเพิ่งจะมีโอกาสได้อ่าน
หน้าปกลงชื่อ Eric Jorgenson เป็นคนเรียบเรียงครับ
Eric ไม่ได้เขียนขึ้นมาเองทั้งหมด เขาชื่นชอบแนวคิดของ Naval Ravikanit มาก เลยไปหยิบ Tweetstorm ในประเด็น “How to get rich (wealth) without getting lucky” ของ Naval มาเรียบเรียงทำเป็นพ็อกเก็ตบุ๊คขาย มีบ้างส่วนที่เขาเขียนเพิ่มเติมลงไป …. อารมณ์ประมาณเอาเพลงเก่ามา Rearrange ทำดนตรีใหม่ แล้วก็แต่งเพลงใหม่เพิ่มเข้าไป 1-2 เพลง … ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
เห็นชื่อ Naval Ravikanit ก็เลยซื้อมาอ่าน
เพราะชอบเป็นทุนเดิม (แต่ก็ยังน้อยกว่า Kazuo Inamori)
1. แนวคิด Productize Yourself
สมาชิก IFARM บางท่านอาจจะไม่คุ้นว่า Naval Ravikanit คือใคร ขออนุญาตแนะนำสั้นๆ ครับ …. Naval เกิดที่อินเดียแต่ไปโตที่สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันถือสัญชาติอเมริกันครับ แกเป็นนักลงทุนและผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียง โดยเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง AngelList ซึ่งช่วยเชื่อมโยงสตาร์ทอัพกับนักลงทุนทั่วโลก แกลงทุนใน Unicorn ไม่ต่ำกว่า 10 บริษัท ที่น่าจะคุ้นหูคุ้นตาหน่อยก็เช่น Notion, Twitter และ Uber
นอกจากนี้ Naval ยังเป็นนักคิดและผู้เผยแพร่แนวคิดเกี่ยวกับความมั่งคั่งและความสุขผ่านสื่อออนไลน์และงานบรรยายต่าง ๆ โดย Naval เชื่อว่าการใช้ชีวิตให้มีความสุขคือ Skill ที่ทุกคนฝึกฝนได้
Main Idea ของหนังสือบอกเล่าถึง
การสร้างมั่งคั่งจากธุรกิจพร้อมๆ กับการมีชีวิตที่มีความสุข
อ่านแล้วชอบครับ … ชอบมาก
ได้ไอเดียธุรกิจเจ๋งๆ หลายอย่าง
2. แนวคิด Productize Yourself
เผอิญมันมีไอเดียนึง
คล้ายๆ สิ่งที่ผมคิดและลงมือทำมานานมากแล้ว
วันนี้เลยอยากหยิบมาขยายต่อ
นั่นก็คือ “Productize Yourself”
แปลเป็นไทยว่า “จงทำให้ตัวเราให้เป็นผลิตภัณฑ์ (ซะ)”
แบบนี้ไม่ได้หมายความว่าให้แต่งตัวสวยหล่อแล้วไปยืนรอลูกค้าอยู่ตามป้ายรถเมล์หรือใต้ต้นมะขามนะครับ ไม่ใช่นะครับ อันนั้นมันคือ Tangible Product … แถม Product Life Cycle ก็สั้นอีก … ฮ่า
สิ่งที่ Naval อยากให้เราผลิตขึ้นมาขาย
มันคือ “Skills” หรือ “ชุดทักษะ” ครับ
คนที่เข้าอบรมคอร์ส Mushroom Entrepreneur Creation กับ IFARM น่าจะ Recall “ไอฟาร์ม โมเดล” ได้ … ที่ผมแนะนำว่าฟาร์ม หรือคนทำเกษตรควรพัฒนา Tangible Products พร้อมๆ กับ Intangible Products คือปลูก / เพาะอะไรขึ้นมาต้องขายให้ได้ 2 ฟอร์ม คือทั้งแบบจับต้องได้ และจับต้องไม่ได้
มันคือเรื่องเดียวกันกับ Productize Yourself
จับมาทาบกันได้เลยครับ
แม้จะมีที่ไปที่มาคนละ Track ก็ตาม
เล่าแบบนี้ก่อนครับ
Productize Yourself ของ Naval มาจากแนวคิดการทำธุรกิจรูปแบบ One Person Business (OPB) หรือการทำธุรกิจด้วยตัวคนเดียว ซึ่งเป็นกระแสที่กำลังมาแรงมากในช่วงนี้
ในมุมมองของ Naval ความมั่งคั่งหรือ Wealth มาจาก 2 ส่วนหลักๆ คือ
1/ การเป็นเจ้าของส่วนแบ่งในกิจการหรือทรัพย์สินที่รายได้ หรือจะบอกอีกมุมว่าการมีรายได้จากการให้เช่าเวลาของเรา หรือการทำงานประจำไม่มีทางสร้าง Wealth ให้เราได้ครับ
2/ เป็นทรัพย์สินที่สร้างรายได้แม้แต่ตอนเรานอนหลับ หรือทำกิจกรรมอื่นๆ อยู่
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย (แม้จะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้) ที่เราจะทำธุรกิจเกี่ยวกับ Physical Products ด้วยตัวคนเดียว เพราะมันมีเรื่องที่ต้องบริหารจัดการหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสต๊อก การจัดส่ง หรือแม้กระทั้งการพัฒนาสินค้า แต่ปัญหาชวนปวดหัวเหล่านี้จะเบาบางลงไป (เยอะ) เมื่อเราเปลี่ยนมาขายสินค้า Intangible หรือสินค้าที่จับต้องไม่ได้ครับ
Naval มองว่ามนุษย์ทุกคนมีความเป็น Super Niche ต่างคนต่างมี “ของ” ที่คนอื่นลอกเลียนได้ยาก และ “ของ” ที่ว่าก็คือ Skill หรือทักษะที่ผ่านการเคี่ยวกรำจนตกผลึกเป็นความชำนิชำนาญและเชี่ยวชาญเฉพาะตัว เกิดเป็น “ความรู้เฉพาะทาง” ที่ช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่นได้
“ความรู้เฉพาะทาง” นี่ล่ะคือความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใต้คำว่า “Productize Yourself” คุณสามารถทำธุรกิจตัวคนเดียวด้วยการพัฒนา + สร้างความรู้เฉพาะทางก่อนแปลงเป็น Digital Content แล้วขายในรูปแบบต่างๆ เช่น E-book, Online Course และ Podcast
3. ขั้นตอน Productize Yourself Business
ความรู้เฉพาะทาง เป็น High Profit Products
เพราะไม่มีต้นทุนในการผลิตซ้ำ
ไม่ต้องมี Warehouse สำหรับจัดเก็บ
ไม่ต้องเสียเวลาแพคและจัดส่ง และที่สำคัญ
ถ้าคุณวางระบบ Automation ดีๆ
เงินจะวิ่งเข้ากระเป๋ารัวๆ ทั้งยามหลับและยามตื่น
Productize Yourself จึงเป็น Business Model
ที่ตอบโจทย์สาย OPB ในหลายๆ มิติอย่างลงตัวครับ
แต่แค่มีชุดทักษะ หรือความรู้เฉพาะทางยังไม่พอนะครับ สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือ ความรู้เฉพาะทางที่เรามีต้องสามารถแก้ปัญหาให้คนจำนวนมากได้
จำนวนหรือ Quantity จึงมีผลต่อ Wealth โดยตรง
ถ้า Scale ไม่ได้ Wealth ก็เกิดได้ช้าครับ
ด้วยเหตุนี้ ความสำเร็จของ Productize Yourself Business จึงขึ้นอยู่กับ 3 ขั้นตอน ที่ต้องทำแบบต่อเนื่อง (Continuous Process) คือ
- เรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา เพื่อสร้างความรู้เฉพาะทางของเราให้มีคุณค่ามากยิ่งๆ ขึ้นไป
- สร้าง Traffic เพื่อเข้าถึงคนจำนวนมาก (ต้องเป็น Qualified Traffic ด้วย)
- เปลี่ยน Traffic ให้เป็น Order ให้ได้ ยิ่งเราสร้าง Qualified Traffic ได้มากเท่าไร Conversion Rate ก็จะสูงตามเองครับ
ในอดีตการที่คนเพียงคนเดียวจะเข้าถึงคนจำนวนมากได้พร้อมๆ กันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก หรือแม้จะเป็นไปได้แต่ก็มักจะตามมาด้วย Acquisition Costs ที่สูง
ในปัจจุบันพลังของ Internet และเครื่องมือ AI ต่างๆ ช่วยลดทอนความยากในจุดนี้ไปได้หลายเท่าตัว …. อันที่จริง ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง ต้องบอกว่าความยากมันย้ายจุดมากกว่าครับ สมัยก่อนมันยากเพราะไม่มีเครื่องมือ ทุกวันนี้มันยากเพราะใช้เครื่องมือไม่เป็นเสียมากกว่า 😅️😅️😅️
4. Productize Yourself แบบคนทำเกษตร
เล่ามาถึงตรงนี้ ผมคิดว่าสมาชิก IFARM หลายคนน่าจะพอ Spark แล้วว่าจะนำ Productize Yourself ไปเสริมธุรกิจของฟาร์มหรือสวนของเราอย่างได้บ้าง ผมเชื่อว่าทุกคนมี Skills เจ๋งๆ ที่สามารถนำมาแปลงเป็น Products ได้เต็มไปหมด
อาจถึงเวลาต้องคำถามกับตัวเองว่าปลูกทุเรียนทำไมต้องขายแต่ทุเรียน หรือเพาะเห็ดทำไมต้องขายแต่เห็ด จะมีอะไรที่จะแปลงเป็น Intangible Products ได้บ้างไหม ??
อยากจะบอกแบบนี้ครับ
การขายสินค้าที่ไม่มีต้นทุนผลิตซ้ำคือ “แต้มต่อ” ที่สำคัญในเชิงธุรกิจ
เพราะมันทำธุรกิจแบบเดียวกันมีกำไรหนาบางไม่เท่ากัน
Cash Flow ช้าเร็วไม่เท่ากัน
ช่วยลด “ต้นทุนเวลา” อย่างมีนัยยะสำคัญ
และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น
มันสร้างความสุขลึกๆ ให้เราได้ครับ
- เงินเข้าขณะนอนหลับ
เงินเข้าขณะเร่งปลูกต้นทองหลางน้ำอยู่ในสวนทุเรียน - เงินเข้าขณะเรากำลังเก็บเห็ดอยู่ในโรงเรือน
- เงินขณะที่คู่แข่งของคุณยังนอนหลับไหล
… จะหาอะไรสุขอะไรมากไปกว่านี้ได้อีกล่ะครับ
5. การเดินทางสู่ Productize Yourself
อย่างไรก็ดีครับ ผมไม่อยากให้ทุกคนฝันหวานจนเกินจริง
แน่นอนอยู่แล้วว่า
โดยโครงสร้าง โดยรูปแบบ โดยวิธีการ
Productize Yourself Business Model
มันเริ่มและทำง่ายกว่า Physical Product Business Model
มองมุมไหนก็ง่ายกว่า
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะง่ายแบบปอกกล้วยเข้าปากนะครับ
ไม่เถียงว่าแต่ละคนมี Niche เฉพาะตัว
แต่การได้มาซึ่งชุดทักษะ หรือความรู้เฉพาะทางก็ไม่ง่ายครับ
ต้องเรียนรู้จากการลงมือทำในระยะเวลาที่ยาวนานพอ
ต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญ
ต้อง Integrate ความรู้ต่างๆ ให้เกิดการเชื่อมโยงจนเป็นชุดความรู้เฉพาะทางที่ไม่มีใครมีให้ได้
หรือแม้แต่การสร้าง Qualified Traffic ก็น่าจะเป็นเรื่องยาก (มาก) สำหรับหลายคน มันต้องการทักษะอีกชุดนึง
จะว่าไปการสร้าง Traffic นี้สำคัญกว่าการสร้างผลิตภัณฑ์อีกนะครับ … มีผลิตภัณฑ์ แต่ไม่มี Traffic คือจบเห่ กลับกันมี Traffic แต่ไม่มีผลิตภัณฑ์ ยังพอรอด เพราะไปเอาผลิตภัณฑ์จากที่อื่นมาขายก็ได้
โดยสรุปมันก็เหมือนกับเรื่องทุกเรื่อง ที่มีความยาก + ความง่ายผสมปนเปกัน
แต่อย่างน้อยก็มีข่าวดีอยู่อย่างนึงครับ
นั่นก็คือทักษะทุกอย่างมันสร้างขึ้นได้ครับ
แม้แต่การใช้ชีวิตให้มีความสุขยังฝึกฝนกันได้ นับประสาอะไรกับทักษะพื้นฐานทั่วไป … ขอเพียง “ลงมือทำด้วยความเพียรในระยะเวลาที่ยาวนานพอ” … รับประกันสำเร็จทุกคนครับ

คอร์ส (ออนไลน์) เกษตรทำเงิน ถูกกว่าเดิม แถมฟรีอีกหนึ่งคอร์สเพิ่มเติม
คัดพิเศษ 5 คอร์ส (Online) Hot Hit ที่เริ่มต้นง่าย + ลงทุนน้อย + ใช้พื้นที่ไม่มาก + มีความต้องการของตลาดต่อเนื่อง สามารถทำเป็นอาชีพหลัก หรือหารายได้เสริมก็ได้ …. ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์มาก่อน … เรียนได้ตลอด ไม่มีหมดอายุ ปรึกษาอาจารย์ได้ และเยี่ยมชมฟาร์มได้ ... มัดรวม 5 คอร์ส รับส่วนลดกว่า 3,000.00 บาท สมัครวันนี้แถมฟรีอีกหนึ่งคอร์ส มูลค่า 490.00 บาท คุ้มสุดคุ้ม
บทความแนะนำ
-
-5%Add to cartQuick View
-
-5%Out of stockRead moreQuick View