
Revenue Model หรือรูปแบบรายได้คือองค์ประกอบที่สำคัญของ Business Model เพราะเป็นตัวกำหนดว่าธุรกิจจะหารายได้ด้วยวิธีแบบไหน การมี Business Model เดียวกัน สินค้าเดียวกัน แต่ Revenue Model แตกต่างกัน ธุรกิจมีโอกาสและความเสี่ยงไม่เท่ากัน
บทความนี้จะพาสมาชิก IFARM ทุกคนไปหาคำตอบว่าทำไม Revenue Model จึงสำคัญต่อธุรกิจเกษตร พร้อมตัวอย่างที่ทุกคนนำไปใช้เพื่อเพิ่มรายได้และกำไรให้ฟาร์มของคุณได้ทันที

ผู้บริหารไอฟาร์ม
ใช้เวลาอ่านประมาณ: 3 นาที
Quick Navigation
ในการออกแบบ Business Model ธุรกิจเกษตร ตาม Business Model Canvas นอกจากต้องคิดว่าฟาร์มของเราจะมีแหล่งรายได้ (Revenue Stream) มาจากสินค้าหรือบริการอะไรบ้าง (What) เรายังจำเป็นคิดถึง รูปแบบของรายได้ (Revenue Model) หรือวิธีการได้มาซึ่งรายได้ (How) ควบคู่กันไปด้วย เพราะ Revenue Model ที่ดีจะช่วยเพิ่มยอดขาย รายได้ และสัดส่วนกำไรให้ฟาร์มของเราได้ อีกทั้งยังส่งผลให้ฟาร์มมี Cash Flow ที่สม่ำเสมอ ช่วยให้เราสามารถคาดการณ์และบริหารจัดการได้ง่ายขึ้นอีกด้วยครับ
Revenue Model คืออะไร?
Revenue Model หรือ รูปแบบรายได้ คือแผนการที่ธุรกิจใช้ในการสร้างรายได้จากสินค้าและบริการที่นำเสนอให้กับลูกค้า โดย Revenue Model จะกำหนดว่า
✅ ธุรกิจจะทำเงินได้อย่างไร?
✅ ลูกค้าจะจ่ายเงินผ่านช่องทางไหน?
✅ โครงสร้างรายได้ของธุรกิจเป็นแบบไหน?
Revenue Model เป็น ส่วนหนึ่งของ Business Model (โมเดลธุรกิจ) แต่ไม่ใช่ทั้งหมด Business Model เป็นภาพรวมของการดำเนินธุรกิจของฟาร์มทั้งหมด ตั้งแต่การผลิต การตลาด การจัดจำหน่าย การบริการ ไปจนถึงรายได้ ในขณะที่ Revenue Model มุ่งเน้นที่ “วิธีการสร้างรายได้” ของธุรกิจเป็นหลัก
📌 ตัวอย่าง:
- หาก Business Model ของฟาร์มเน้น การขายสินค้าเกษตรโดยตรงถึงลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นแบบ On Farm หรือ Online → Revenue Model อาจเป็น Direct Farm Sales หรือ Subscription Box ก็ได้ครับ
- หาก Business Model เกษตรเชิงท่องเที่ยว → Revenue Model อาจเป็น Farm Experience Revenue Model เพราะเป็นการหารายได้จากการขายประสบการณ์ผ่านกิจกรรมต่างๆ ภายในฟาร์ม
จะเห็นได้ว่า Revenue Model มีความสำคัญต่อการเติบโตหรือความอยู่รอดของฟาร์มเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่หลายคนมองข้ามความสำคัญในจุดนี้ไป

ความสำคัญของ Revenue Model ต่อธุรกิจเกษตร
การดีไซน์ “รูปแบบของรายได้” มีประโยชน์ต่อธุรกิจทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจเกษตร ที่มีปัจจัยผันผวนมากมายและสินค้าโดยส่วนใหญ่มีกำไรค่อนข้างต่ำ ต่อไปนี้คือประโยชน์ของ Revenue Model ขอสรุปมาให้ 4-5 ข้อครับ
- กำหนดราคาขายได้เอง – โมเดลขายตรงจากฟาร์ม โดยไม่ผ่านตลาดค้าส่ง ช่วยให้เจ้าของฟาร์มมีอำนาจในการตั้งราคา หรือกำหนดราคาขายเองได้ ไม่โดนตลาดค้าส่งกดราคารับซื้อจนไม่เหลือกำไร ลองดูตัวอย่างของ “Tok ผักอร่อย“ ที่ผมมีโอกาสได้พูดคุยเมื่อเร็วๆ นี้ เป็น Business Model ที่ไม่พึ่งตลาดส่งเหมือนฟาร์มผักส่วนใหญ่ครับ
- เพิ่มโอกาสทางรายได้ – Business Model และ Revenue Model บางรูปแบบ เช่น Direct Farm Sales ช่วยลดการพึ่งพาคนกลางได้บางส่วนหรือทั้งหมด ทำให้ต้นทุนการตลาดลดลงตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ การพึ่งพาคนกลางก็ไม่ใช่เรื่องแย่ไปทั้งหมดนะครับ เช่น คนกลางที่ช่วยเพิ่มยอดขายในช่องทางที่เรายังไม่มีศักยภาพมากพอก็เป็นประโยชน์มากกว่าโทษ ให้พิจารณาเป็น Case by Case ไปครับ
- ช่วยวางแผนทางการเงินและกระแสเงินสด (Cash Flow) – ธุรกิจสามารถคาดการณ์รายได้และจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น รูปแบบ Subscription ตอบโจทย์ข้อนี้มากๆ ครับ
- เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน – ฟาร์มที่มีโมเดลรายได้ที่แข็งแกร่งสามารถแข่งขันได้ในตลาดที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้าเกษตรได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
- มีฐานลูกค้าเป็นของตัวเอง : ในการทำธุรกิจไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการมี Customer Database เพราะเราสามารถทำให้เกิดการซื้อซ้ำได้ รวมทั้งต่อยอดกับผลิตภัณฑ์ใหม่ในอนาคตได้ การมี Business Model และ Revenue Model ที่เหมาะสม ช่วยสร้างฐานลูกค้าให้เราได้ครับ
3 Revenue Model สำคัญสำหรับธุรกิจเกษตร
1. Direct Farm Sales Model (โมเดลขายตรงจากฟาร์ม)
แนวคิด: ขายสินค้าเกษตรโดยตรงให้กับลูกค้า ที่ฟาร์มเอง โดยไม่ผ่านคนกลาง
เหมาะสำหรับ: ฟาร์มที่ต้องการให้ลูกค้ามาเยี่ยมชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สดจากแหล่งผลิต หรือขายผ่านออนไลน์
ช่องทางรายได้ (Revenue Streams)
- ขายวัตถุดิบสดจากฟาร์ม – เช่น ผัก ผลไม้ ไข่ เนื้อสัตว์ นมสด เห็ด ฯลฯ
- ขายสินค้าแปรรูป – เช่น แยม น้ำผึ้ง น้ำเก็กฮวย น้ำสกัดเย็น ผักดอง ชา ฯลฯ
ข้อดี
- มีสัดส่วนกำไรสูงขึ้น เพราะไม่ต้องแบ่งส่วนแบ่งให้คนกลาง
- สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างฟาร์มกับลูกค้า (มี Database ลูกค้าเป็นของตัวเอง)
ข้อเสีย
- ต้องมีระบบบริหารร้านและฟาร์มให้มีประสิทธิภาพ
- ต้องมีทักษาด้านการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้ามาที่ฟาร์ม หรือขายออนไลน์
2. Subscription & Membership Model (โมเดลสมาชิกรายเดือน/รายปี)
แนวคิด: ลูกค้าสมัครเป็นสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าจากฟาร์ม เป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือน
เหมาะสำหรับ: ฟาร์มที่มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถจัดส่งได้เป็นประจำ เช่น ผักสด ผลไม้ เห็ด ไข่
ช่องทางรายได้ (Revenue Streams)
- ค่าสมาชิก Subscription Box – ลูกค้าจ่ายเงินล่วงหน้าเพื่อรับชุดผักผลไม้หรือผลิตภัณฑ์ฟาร์มทุกสัปดาห์/เดือน
- ค่าสมาชิกฟาร์ม (Farm Membership) – ลูกค้าสามารถมาเก็บเกี่ยวพืชผลจากฟาร์มได้เองตามจำนวนที่กำหนด
- บริการส่งตรงถึงบ้าน (Home Delivery) – ส่งสินค้าถึงบ้านลูกค้าเพื่อเพิ่มความสะดวก
ข้อดี
- สร้างยอดขายและรายได้ที่แน่นอน (Recurring Revenue)
- ช่วยเกษตรกรคาดการณ์ความต้องการล่วงหน้าได้
- ลูกค้าได้รับของสดใหม่อย่างต่อเนื่อง
ข้อเสีย
- ต้องมีระบบจัดส่งและโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ
- ต้องสร้างฐานลูกค้าที่ภักดีและเชื่อมั่นในคุณภาพของฟาร์ม (Branding สำคัญมากกกกก)
Farm Experience Revenue Model
แนวคิด: สร้างรายได้จากการให้บริการ กิจกรรม ประสบการณ์ในฟาร์ม เช่น การเยี่ยมชม การเรียนรู้ การทดลองปลูกหรือเก็บเกี่ยว
เหมาะสำหรับ: ฟาร์มที่ต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยว ชอบประสบการณ์แปลกใหม่ สนุกกับเรียนรู้
ช่องทางรายได้ (Revenue Streams)
- ค่าธรรมเนียมจากการเข้าชมฟาร์ม (Farm Tour Fees) – เช่น ค่าเข้าเรียนรู้การเพาะปลูก
- ค่าบริการ Workshop & Class – เช่น สอนเพาะเห็ด สอนปลูกผัก สอนทำปุ๋ย สอนทำอาหารจากผลิตภัณฑ์ฟาร์ม
- เช่าพื้นที่สำหรับกิจกรรมพิเศษ – เช่น งานแต่งงานในฟาร์ม งานประชุม งานเลี้ยง
- ขายผลิตภัณฑ์พิเศษจากฟาร์ม – เช่น เมล็ดพันธุ์ ชุดปลูกพืช ชุดเพาะเห็ด
ข้อดี
- สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจฟาร์ม ไม่ใช่แค่การขายผลผลิต
- ดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ เช่น นักท่องเที่ยวและครอบครัว
- ช่วยให้ลูกค้าเข้าใจและมีส่วนร่วมกับฟาร์มมากขึ้น เป็นการสร้าง Brand ไปในตัว
ข้อเสีย
- การลงทุนสูง ทั้งพื้นที่ อาคารและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ
- ต้องมีทีมงานที่สามารถให้ความรู้และดูแลลูกค้าได้ดี
สรุป
จะเห็นได้ว่า Revenue Model ส่งผลต่อธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งทำให้โดดเด่นกว่าคู่แข่งได้ด้วย ดังนั้นคนทำเกษตรต้องไม่ลืมให้ความสำคัญกับการออกแบบ Business Model และ Revenue Model ด้วยนะครับ

คอร์ส (ออนไลน์) เกษตรทำเงิน ถูกกว่าเดิม แถมฟรีอีกหนึ่งคอร์สเพิ่มเติม
คัดพิเศษ 5 คอร์ส (Online) Hot Hit ที่เริ่มต้นง่าย + ลงทุนน้อย + ใช้พื้นที่ไม่มาก + มีความต้องการของตลาดต่อเนื่อง สามารถทำเป็นอาชีพหลัก หรือหารายได้เสริมก็ได้ …. ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์มาก่อน … เรียนได้ตลอด ไม่มีหมดอายุ ปรึกษาอาจารย์ได้ และเยี่ยมชมฟาร์มได้ ... มัดรวม 5 คอร์ส รับส่วนลดกว่า 3,000.00 บาท สมัครวันนี้แถมฟรีอีกหนึ่งคอร์ส มูลค่า 490.00 บาท คุ้มสุดคุ้ม
บทความแนะนำ
-
-5%Add to cartQuick View
-
-5%Out of stockRead moreQuick View